Review Sarto Dinamica
Review Sarto Dinamica
04 January 2016
ความรู้สึกในวันแรกของผมที่ทดลองขี่เฟรมตัวนี้แตกต่างจากความคาดหวังเริ่มต้นอยู่มาก จากเพียงที่ดูองศาเฟรมและลักษณะรูปทรงของท่อในส่วนต่างๆ ก็คาดเดาไปว่าเฟรมจะมีลักษณะสติฟ-เหยียบแล้วพุ่งซึ่งเป็นลักษณะของเฟรมขึ้นเขาทั่วๆ ไปที่เคยใช้มา แต่เมื่อได้ลองขี่ในวันแรกแล้วปรากฎว่าเฟรมมีความนุ่มนวลเวลากดบันได ไม่รู้สึกถึงความพุ่งเหมือนเฟรมเบาๆ ยี่ห้ออื่นที่เคยขี่มา จังหวะที่เยียบนั้นมีความรู้สึกถึงอาการนุ่มเท้า ซึ่งต่างจากเฟรมตัวล่าสุดที่ขี่อยู่ ทำให้รู้สึกผิดแปลกไปมาก องศาของเฟรมตัวนี้(ไซส์ S) ถือว่ามีความดุดันอยู่พอสมควร องศาท่อนั่งที่ชัน(74.5 องศา) และท่อคอที่ต่ำ (12.5ซม.) ทำให้ระยะ Reach ตัวเฟรมนั้นค่อนข้างมาก และเมื่อใส่กับสเต็มองศา -17 ความยาว 110 มม. ก็ทำให้สามารถเซ็ทให้ลงตัวกับท่าขี่แบบ Racing ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก (ผมชักเบาะสูง  73.5 ซม. และเซ็ทแฮนด์ต่ำกว่าเบาะอยู่ 12 ซม. ประกอบกับชุดเกียร์ Dura-Ace น้ำหนักรวมบันไดอยู่ที่ 7.1 กิโลกรัม)
 
ความนุ่มของเฟรมตัวนี้นั้นส่งผลให้กล้ามเนื้อขาส่วนต่างๆในขณะปั่นสบายกว่าเดิมมาก ทำให้มีความรู้สึกอยากที่จะกดเกียร์หนักขึ้นมากกว่าปกติเพื่อที่จะให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน และวิธีการปั่นนั้นก็ไม่สามารถที่จะย่ำเพื่อให้รถนั้นตอบสนองในจังหวะแรกที่เหยียบได้เหมือนพวกเฟรมพุ่งๆ หากแต่ต้องมีการปั่นให้สมูทเพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่องลื่นไหล ซึ่งความสบายของกล้ามเนื้อขาที่ไม่ต้องเค้นแรงมาก แต่รถก็สามารถวิ่งคงความเร็วในทางราบได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถปั่นทางราบช่วงความเร็วสูงๆ ได้สบาย และรู้สึกว่าใช้แรงน้อยกว่าเฟรมต่างๆ ที่เคยใช้แข่งมา แม้จังหวะที่นั่งกดจะรู้สึกนุ่มจนไม่สามารถที่จะย่ำเค้นแรงๆเพื่อให้รถพุ่งไปในทันที หากต้องอาศัยทักษะการควงขาที่ราบลื่น แต่ในจังหวะที่ยืนปั่นความรู้สึกที่ได้นั้นต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด คือไม่รู้สึกถึงอาการย้วยของเฟรมตัวนี้เลย ตัวรถสามารถตอบสนองต่อการยืนกดและเร่งความเร็วได้เป็นอย่างดี ทั้งรู้สึกว่าสามารถกดเกียร์ได้หนักขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งขาไม่ล้าทำให้สามารถยืนกดได้หนักและต่อเนื่องมากขึ้น 
ตัวเฟรมที่มีน้ำหนักพอสมควร และความรู้สึกหนักแน่นเวลายืนเหยียบ-โยก-สปรินท์ทำให้สามารถทำความเร็วปลายในทางราบได้ดีกว่าเฟรมขึ้นเขาอื่นๆ ความสบายของเฟรมตัวนี้เป็นจุดเด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้รู้สึกอยากที่จะขี่ซ้อมเป็นเวลานานและเป็นระยะทางไกลมากขึ้นกว่าเดิม โดยกล้ามเนื้อขานั้นค่อนข้างจะรู้สึกสบายกว่าปกติ  ทั้งๆที่เวลาซ้อมจะใช้เกียร์หนัก/รอบขาต่ำกว่าที่เคยขี่คันเดิมมาก และความรู้สึกของความต่อเนื่องลื่นไหลในความเร็วบนทางราบก็ทำให้สามารถคงความเร็วไปได้โดยรู้สึกเหนื่อยน้อยกว่าปกติ

ในวันที่สาม ผมเริ่มสามารถทำความเคยชินกับลักษณะการปั่นของเฟรมตัวนี้ได้ดีขึ้น รอบขาที่หายไปใน 2 วันแรกที่ขี่นั้นก็เริ่มกลับมาสูงเหมือนที่เคยชิน ซึ่งการควงขาด้วยรอบขาที่ 95 รอบ/นาทีก็สามารถทำได้โดยไม่รู้สึกฝืนหรือเหนื่อยกว่าปกติ ความรู้สึกนุ่มสบายกล้ามเนื้อในขณะที่ปั่น และการคงความเร็วบนทางราบได้ดีนั้นก็ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน ณ.จุดนี้ จาก 3 วันที่ได้ทดลองขี่มานั้นถือว่าค่อนข้างพอใจกับเฟรมตัวนี้อยู่พอสมควร อารมณ์ของเฟรมทำให้เกิดความเพลิดเพลินในการปั่นมากขึ้น ความสบายกล้ามเนื้อในขณะปั่นทำให้สามารถปั่นได้นานขึ้น อยากซ้อมมากขึ้น แต่ความสงสัยนั้นอยู่ที่เฟรมตัวนี้จะสามารถตอบสนองต่อการเร่งความเร็วในการแข่งขันได้ดีเพียงใด การขึ้นเนินยาวๆ จะมีอาการถอยไหม?ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้เฟรมตัวนี้ทั้งในการซ้อมและแข่งขันมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน ระยะทางที่ปั่นไปรวมกว่า 4,000 กิโลเมตร ในด้านของประสิทธิภาพของตัวเฟรมนั้นถือว่าผมค่อนข้างประทับใจกับจุดเด่นของเฟรมตัวนี้ในแง่ของความนุ่มนวลลื่นไหลของเฟรมที่ออกแบบมาทำให้ปั่นได้สบายมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องเค้นกล้ามเนื้อหรือแช่รอบขาสูงก็สามารถคงความเร็วได้ง่าย จึงทำให้รู้สึกสนุกกับการปั่นและสามารถปั่นได้ต่อเนื่องยาวๆ หลายๆ วันโดยที่ไม่ล้าขา อีกทั้งสามารถตอบสนองต่อการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ในด้านของการขึ้นเนินและอัตราเร่งนั้นแม้จะไม่เด่นเหมือนเฟรมไต่เขาเบาๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะน้ำหนักที่มากกว่า (เฟรม Dynamica Size S น้ำหนักเฟรม 880 กรัม ) แต่ก็ทำให้เกิดความสมดุลย์ในการปั่นทางราบที่สามารถคงความเร็วได้ดีและเหนื่อยน้อยกว่ากว่า (ซึ่งในจุดนี้ด้อยอาจจะมาเติมเต็มได้ด้วย Sarto รุ่น Seta ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าอีก 200 กรัม)

อีกแง่มุมนึงที่ผมมองว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับการที่จะตัดสินใจซื้อเฟรมตัวหนึ่งที่ราคาเกินแสนนั้นคือคุณค่าของตัวเฟรม ซึ่ง Sarto Dynamica ตัวนี้ถือว่าทำดีไซน์ออกมาได้เรียบง่ายแต่ดูดี ลวดลายคาร์บอนที่โชว์ให้เห็นโดยตลอดทั้งตัวเฟรมรวมถึงข้อต่อต่างๆ อย่างสวยงามแสดงให้เห็นถึงความประณีตในงานแฮนด์เมดสไตล์อิตาเลียน และในทุกๆ จุดของตัวเฟรม Dynamica นั้นแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่แข็งแรง คงทน แตกต่างจากเฟรมตลาดเบาๆ ที่ค่อนข้างจะดูบอบบาง ความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความประณีตนี้น่าจะจุดประกายให้กับผู้ที่รักในจักรยานได้รู้สึกถึงเช่นเดียวกันครับ